09:50, 19th March 2024
March 2024
SMTWTFS
12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31
1609351
วันนี้
สัปดาห์นี้
สัปดาห์ก่อน
รวมนับจากต้นปี
เดือนนี้
เดือนก่อน
รวมตั้งแต่ต้น
143
836
1229
1604826
8363
19789
1609351

Your IP: 54.160.244.62
Server Time: 2024-03-19 02:50:31
0 Comments

ความเป็นมา-ปัจจุบัน

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นนิติบุคคล และเป็นราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบหนึ่ง มีอยู่ในทุกจังหวัด (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร) จังหวัดละ 1 แห่ง ประกอบด้วยสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีอำนาจ และหน้าที่ในเขตจังหวัดนั้นๆ และเป็นองค์กรที่ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการปกครอง และสามารถตรวจสอบการบริหารงานได้ด้วย

โดยราชการส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ถือกำเนิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เรียกว่า สุขาภิบาล มี 2 แบบ คือ

1. สุขาภิบาลกรุงเทพฯ จัดตั้งขึ้นโดย “พระราชกำหนด สุขาภิบาลกรุงเทพฯ ร.ศ.116” (พ.ศ. 2440)

2. สุขาภิบาลตามหัวเมือง จัดตั้งขึ้นโดย “พระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาล ร.ศ.127” (พ.ศ. 2451) ทั้งนี้ได้ปรากฎตามสำเนาพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ต่อมาได้จัดให้มีสภาจังหวัดขึ้นเป็นครั้งแรกตามความใน “พระราชบัญญัติจัดระเบียบเทศบาล พ.ศ.2476” โดยให้สภาจังหวัดทำหน้าที่เป็นสภาที่ปรึกษาแก่กรมการจังหวัด และยังมิได้มีฐานะเป็นนิติบุคคลที่แยกจากจังหวัดซึ่งเป็นราชการส่วนภูมิภาค

ครั้นได้มีการประกาศใช้ “พระราชบัญญัติสภาจังหวัด พ.ศ. 2481” ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2487) ที่จะต้องแยกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสภาจังหวัดไว้โดยเฉพาะ แต่สภาจังหวัดยังทำหน้าที่เป็นสภา ที่ปรึกษาของกรมการจังหวัดเช่นเดิม ต่อมาจึงได้มีการประกาศใช้“พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2495” กำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าปกครองบังคับบัญชาและรับผิดชอบการบริหารราชการในจังหวัดทำให้อำนาจของกรมการจังหวัดเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ดังนั้นยังทำหน้าที่เป็นสภาที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการจังหวัด

ทั้งนี้ “องค์การบริหารส่วนจังหวัด” เกิดขึ้นตามความใน “พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ. 2498” ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2523) กำหนดให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดมีฐานะเป็นนิติบุคคลที่แยกจากจังหวัด ซึ่งเป็นราชการส่วนภูมิภาค และในประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 กันยายน 2515 ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บทว่าด้วยการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน  กำหนดให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดมีฐานะเป็นหน่วยการปกครองท้องถิ่นรูปแบบหนึ่ง

องค์การบริหารส่วนจังหวัดในปัจจุบันเป็นไปตาม “พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540” ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมถึง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2546) มีกำหนดภารกิจ อำนาจและหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ไม่ให้ซ้ำซ้อนกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นอื่น นอกจากนั้นยังปรับปรุงโครงสร้างให้เหมาะสม เพื่อให้การบริหารงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งให้การได้มาซึ่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ซึ่งจะสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

องค์การบริหารส่วนจังหวัดนอกจากจะมีอำนาจและหน้าที่ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว ยังมีอำนาจและหน้าที่ในการจัดระบบบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเองมาตรา 12 (15) มาตรา 17 และมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542

 

ตราสัญลักษณ์ประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ

 

ตราสัญลักษณ์ประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการเป็นรูปวงกลมทับซ้อนกัน 2 วง

วงนอกมีคำว่า”องค์การบริหารส่วนจังหวัด” อยู่ในโค้งรอบในวงกลมด้านบน และคำว่า”สมุทรปราการ” อยู่โค้งรอบในวงกลมด้านล่าง

วงใน เป็นรูป “พระธุตังคเจดีย์” ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ วัดอโศการาม ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ มีพระบรมสารีริกธาตุในผอบ ทอง เงิน นาค บรรจุไว้

พระเจดีย์องค์ประธานล้อมกรอบด้วยพระเจดีย์บริวาร ชั้นละ 4 องค์ มีความหมายถึงสมาธิจิต เมื่อดำเนิน การตามอริยมรรค โดยถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะเกิดวิญญาณ ในอริยสัจ 4 ที่สร้างเป็น 3 ชั้น เรียกว่า ปริวัฏ 3 และเกิดยถาภูตญาณทัศนะ คือญาณหยัง่รู้ สังขารทั้งปวงตามความเป็นจริงมีฐานจตุรัส 4 เหลี่ยม เปรียบด้วยมหาสิตปัฏฐาน 4 กว้าง 3 วา หมายถึง ไตรสิกขา สูง 13 วา และเป็นพระเจดีย์หมู่ 13 องค์ หมายถึงธุดงควัตร(ข้อปฏิบัติเพื่อขัดเกลากิเลส) 13 ประการ เมื่อมองประสานตรงๆ จะเห็นพระเจดีย์ล้อมวงเป็นคู่ หมายถึงพระธรรม กับพระวินัย อันเป็นหลักชัยของพระพุทธศาสนา แต่ถ้านับเฉียงจะได้ พระเจดีย์ จำนวน 7 องค์ หมายถึง โพชฌงค์ 7 ประการ

 

พระธุตังคเจดีย์เป็นปูชนียสถาน อันเป็นสิริมงคลแก่พุทธบริษัท และได้นมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งมีคุณค่าสูงยิ่งในพุทธศาสนา เพราะถ้าบูชาด้วยดีย่อมเป็นเครื่องดึงดูดกล่อมเกลานิสัย ให้สูงขึ้นตามลำดับเหมือนหมอกเมฆ ถ้าอยู่ในแผ่นดินย่อมก่อให้เกิดความอบอ้าว เมื่อหมอกเมฆลอยตัวขึ้นไปในอากาศแล้วขยายตัวออก ตกลงมาเป็นฝนย่อมนำความชุ่มเย็นมาสู่ปวงชนให้มีความสุขกายสุขใจเป็นอย่างดี